Phylum Chordata
ไฟลัมคอร์ดาตา
(Phylum Chordata)
สัตว์ในไฟลัมคอร์ดาตาเรียกว่า พวกคอร์เดต (chordate) สัตว์ในไฟลัมนี้ถือว่ามีความสำคัญที่สุดและมีวิวัฒนาการสูงสุด มีการปรับตัวทั้งโครงสร้างภายนอก โครงสร้างทางกายวิภาค สรีรวิทยา พฤติกรรมมากกว่าสัตว์กลุ่มอื่นๆ สำหรับกำเนิดของคอร์เดตนั้นยังไม่มีใครระบุแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าคอร์เดตน่าจะวิวัฒนาการมาจากพวกเอไคโนเดิร์ม เนื่องจากการเจริญของตัวอ่อนของสัตว์กลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การเกิดของช่องทวารหนัก แต่ก็ไม่มีใครสรุปได้แน่นอน ว่าคอร์เดตวิวัฒนาการมาจากเอไคโนเดิร์ม หรือมีบรรพบุรุษร่วมกับพวกเอไคโนเดิร์ม
สัตว์ในไฟลัมคอร์ดาตาเรียกว่า พวกคอร์เดต (chordate) สัตว์ในไฟลัมนี้ถือว่ามีความสำคัญที่สุดและมีวิวัฒนาการสูงสุด มีการปรับตัวทั้งโครงสร้างภายนอก โครงสร้างทางกายวิภาค สรีรวิทยา พฤติกรรมมากกว่าสัตว์กลุ่มอื่นๆ สำหรับกำเนิดของคอร์เดตนั้นยังไม่มีใครระบุแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าคอร์เดตน่าจะวิวัฒนาการมาจากพวกเอไคโนเดิร์ม เนื่องจากการเจริญของตัวอ่อนของสัตว์กลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น การเกิดของช่องทวารหนัก แต่ก็ไม่มีใครสรุปได้แน่นอน ว่าคอร์เดตวิวัฒนาการมาจากเอไคโนเดิร์ม หรือมีบรรพบุรุษร่วมกับพวกเอไคโนเดิร์ม
สัตว์ในไฟลัมคอร์ดาตา แบ่งออกเป็น 2 พวกใหญ่ๆ
คือ พวกโพรโทคอร์เดต (protochordate) และพวกสัตว์มีกระดูกสันหลัง (vertebrate)
สัตว์มีกระดูกสันหลังแบ่งออกเป็น
1. คลาสไซโตมาตา (Class Cyclostomata)
ได้แก่ ปลาปากกลม (cyclostome) ที่รู้จักและพบกันอยู่ในปัจจุบัน
คือ แลมเพรย์ (lamprey) และแฮกฟิส (hag fish) รูปร่างคล้ายปลาไหลอาศัยอยู่ในทะเล
มีกระดูกอ่อนและโนโตคอร์ดตลอดชีวิตไม่มีกระดูกแข็ง ไม่มีขากรรไกร
ไม่มีรยางค์เป็นคู่ ดำรงชีวิตแบบเป็นปรสิตภายนอกของสัตว์น้ำขนาดใหญ่อื่นๆ
โดยการใช้ปากกลมดูดเกาะและใช้ฟันที่ลิ้นขูดกินเลือดและเนื้อของปลาขนาดใหญ่อื่นๆ
เป็นอาหาร ปลาปากกลมไม่พบในประเทศไทย แต่พบทางยุโรปและอเมริกา
2. คลาสคอนดริคไทอิส
(Class
Chondricthyes) ได้แก่ ปลากระดูกอ่อนพวกปลาฉลาม ปลากระเบน ปลาฉนาก
มีลักษณะสำคัญ คือ กระดูกเป็นกระดูกอ่อนตลอดชีวิต มีขากรรไกร มีรยางค์
มีปากที่มีฟันอยู่ทางด้านล่าง ช่องเหงือกอยู่ทางด้านข้างหรือด้านล่าง
มองเห็นได้ชัดเจนมีลำไส้เวียน (spiral valae) ช่วยถ่วงเวลาของอาหารให้อยู่ในลำไส้นานยิ่งขึ้นเพราะลำไส้สั้น
ไม่มีกระเพาะลม เกล็ดแข็งแหลมคม ลูบดูจะสากมือ
ปฏิสนธิภายในตัวออกลูกเป็นตัวหรือไข่
3. คลาสออสติอิคไทอิส (Class Osteicthyes) ได้แก่พวกปลากระดูกแข็งทั้งหลาย
เช่น ปลาทู ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาช่อน ม้าน้ำ ลักษณะสำคัญคือ มีกระดูกแข็ง
มีแผ่นปิดเหงือก (operculum) ทำให้มองไม่เห็นเหงือก
เกล็ดเรียงซ้อนกัน มีถุงลมช่วยในการลอยตัว บางชนิดใช้เป็นอวัยวะหายใจ เช่น
ปลามีปอด ปากอยู่ด้านหน้าสุด และมีการปฏิสนธิภายนอกตัวออกลูกเป็นไข่
4. คลาสแอมฟิเบีย (Class Amphibia) ได้แก่พวกสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก ทั้งนี้เพราะมันอาศัยอยู่ทั้งบนบกและในน้ำ
เช่น กบ เขียด ปาด อึ่งอ่าง คางคก ซาลามานเดอร์ งูดิน ลักษณะเฉพาะของสัตว์คลาสนี้
คือมีผิวลำตัวชุ่มชื้น ไม่มีเกล็ด ปฏิสนธินอกตัวออกไข่ในน้ำ
ตัวอ่อนอยู่ในน้ำหายใจด้วยเหงือก ตัวเต็มวัยหายใจด้วยปอดและผิวหนัง หัวใจ3
ห้องประกอบด้วย ห้องรับเลือด (atrium) 2 ห้อง
และห้องส่งเลือด (ventricle) 1 ห้อง
เม็ดเลือดแดงมีนิวเคลียสและเป็นสัตว์เลือดเย็น (poikilothermous animal)
5. คลาสเรปทิเลีย (Class Reptilia) ได้แก่ พวกสัตว์เลื้อยคลาน เช่น เต่า ตะพาบน้ำ จิ้งจก กิ้งก่า ตะกวด เหี้ย
งู จระเข้ ลักษณะเฉพาะของสัตว์คลาสนี้คือผิวหนังมีเกล็ดแห้ง หายใจด้วยปอดตลอดชีวิต
หัวใจมี 3 ห้อง ประกอบด้วยห้องรับเลือด 2 ห้อง และห้องส่งเลือด 1 ห้อง
เม็ดเลือดแดงมีนิวเคลียส ผสมพันธุ์ภายในตัว วางไข่บนบก ไข่มีขนาดใหญ่
ไข่แดงมากและเปลือกหุ้ม เป็นสัตว์เลือดเย็น
6. คลาสเอวีส (Class Aves) ได้แก่พวกสัตว์ปีก เช่น นก เป็ด ไก่ ห่าน หงส์
ลักษณะเฉพาะของสัตว์คลาสนี้คือ ผิวลำตัวปกคลุมด้วยขนซึ่งมีลักษณะเป็นแผง (feather)
หายใจด้วยปอด หัวใจ 4 ห้อง ทำหน้าที่รับและส่งเลือดอย่างละ 2 ห้อง
แม็ดเลือดแดงมีนิวเคลียส เป็นสัตว์เลือดอุ่น (homeothermous animal) อุณหภูมิของร่างกายไม่เปลี่ยนแปลงตามสิ่งแวดล้อม มีจะงอยปากก
มีการผสมภายในตัวออกลูกเป็นไข่
ไข่มีไข่แดงมาก ไข่มีเปลือกเป็นสารพวกหินปูน มีการฟักไข่และเลี้ยงดูลูกอ่อน
นกมีถุงลมติดต่อกับปอกเพื่อช่วยในการหายใจและระบายความร้อน
ในปัจจุบันนี้นกหายชนิดที่สูญพันธุ์แล้ว เช่น นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร และนกหลายชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์
เช่น นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเรียน นกเงือก
เนื่องจากสภาพธรรมชาติที่นกเล่านี้อาศัยอยู่ถูกทำลาย
7. คลาสแมมมาเลีย (Class Mammalia) ได้แก่พวกสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ได้แก่จิงโจ้ แมว สุนัข ช้าง ม้า วัว
ควาย วาฬ โลมา